วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

ค้นคว้าเพิ่มเติมบทที่8


การวัดและประเมินผลทางการศึกษา
ความหมายของคำว่า การประเมินผล (Evaluation) ได้มีผู้ให้ความหมายไว้ ดังนี้
            ชวาล แพรัตกุล  (2516 : 140) กล่าวว่า การประเมินผล หมายถึง กระบวนการที่ครูนำทุกๆรายการที่ทราบจากการวัดไปใช้ โดยครูนำผลต่างๆ  จากการวัดผลเหล่านั้นมารวม มาชั่ง มาผสมเพื่อนำไปใช้ในการวินิจฉัย ตีราคาคุณค่าและชี้ขาดลงเป็นผลสรุปว่า  เด็กคนนั้นมีคุณภาพสูงหรือต่ำ ควรให้เป็นประเภทสอบได้หรือสอบตก เป็นต้น  ซึ่งการประเมินผลที่ดีต้องตั้งอยู่บน  รากฐานของการวัดที่ดี
            สมหวัง  พิริยานุวัฒน์ (2520 : 176) กล่าวว่า การประเมินผล หมายถึง กระบวนการตัดสินคุณค่าของสิ่งของหรือการกระทำใด ๆ โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน
            ล้วน  สายยศ (2527 : 2) กล่าวว่า การประเมินผล หมายถึง กระบวนการพิจารณาตัดสินที่เป็นระบบ ครอบคลุมถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้
            อีเบล และฟริสบาย (Ebel and Frisbie1986 : 13) กล่าวว่า การประเมินผล หมายถึงการตัดสินเกี่ยวกับคุณภาพหรือคุณค่าของสิ่งต่างๆ  ซึ่งบางครั้งอาจพิจารณาจากผลที่ได้จากการวัดเท่านั้นแต่ส่วนมากจะตัดสินคุณค่าของสิ่งต่างๆ โดยพิจารณาจากผลที่ได้จากการวัดด้านต่าง ๆ ประกอบกับหลักฐานด้านอื่น ที่เกี่ยวข้อง  และรวมถึงการใช้วิจารณญาณและความรู้สึกนึกคิดของผู้ประเมินมาประกอบในการตัดสินใจด้วย
            กรอนลันด์ (Gronlund 1976 : 6)  กล่าวว่า การประเมินผล  หมายถึง กระบวนการอย่างมีระบบ (Systematic Process) ที่อธิบายสิ่งที่ต้องการประเมินทั้งในเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ โดยประกอบกับการตัดสินคุณค่าให้กับสิ่งนั้น ซึ่งใช้การเปรียบเทียบกับเกณฑ์ หรือมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง
            จากความหมายของการประเมินผล สรุปว่า การประเมินผล คือ กระบวนการในการตัดสินใของผู้ประเมิน เพื่อจะตีค่า ตีราคา หรือให้คุณค่าแก่คุณลักษณะของคน สัตว์ สิ่งของ และสิ่งที่เป็นนามธรรม โดยข้อมูลที่ได้จากการวัดผล เป็นส่วนประกอบในการตัดสิน  เปรียบเทียบกับเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างมีหลักเกณฑ์และอาศัยการตัดสินที่มีคุณธรรม


การประเมินผล EVALUATION
            ความเป็นมาและคำชี้แจงเหตุผล กรอบการประเมินผลจะวัดผลการดำเนินงานของกิจกรรมในสี่ส่วนที่ระบุไว้ในข้อตกลงคือ a. การบริหารโครงการ (รวมทั้งการจัดการด้านงบประมาณ) b. การบรรลุขีดขั้นความสำเร็จและเป้าหมาย c. ผลกระทบของโครงการ และ d. ผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับตัวชี้วัดความสำเร็จที่กำหนดไว้
กรอบการติดตามการดำเนินงานและการประเมินผล ( Monitoring and Evaluation Framework )
            การติดตามการดำเนินงานเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ ทำได้ด้วยการนำข้อมูลในรูปแบบต่างๆมาใช้พิจารณารวมทั้ง ผลการสำรวจออนไลน์ การประเมินผลก่อนและหลังการจัดฝึกอบรม ข้อมูลป้อนกลับเชิงคุณภาพหรือสะท้อนความคิดเห็น สาระสำคัญและโอกาสที่ระบุได้ในช่วงระยะเวลาของโครงการ การสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วม เครื่องมือ/เอกสารที่ผลิตขึ้น ระดับการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นด้านการค้ามนุษย์และด้านการบริการที่ช่วยป้องกัน รวมทั้งประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น ข้อมูลด้านการสรรหาเจ้าหน้าที่โครงการ แผนงานที่จัดทำไว้แล้ว และบันทึกการประชุมของคณะกรรมการวางระเบียบวาระการประชุมและวิธีการดำเนินงาน
            วิธีการที่นำมาใช้ในกรอบการประเมินผลงานนี้เป็นวิธีการประเมินผลที่ตั้งอยู่บนหลักการการมอบอำนาจการตัดสินใจแก่กลุ่มสมาชิกในชุมชน 1 การประเมินผลโดยวิธีนี้มีหลักการสำคัญซึ่งผลักดันทั้งการทำการประเมินผลและผลงานของโครงการทั้งหมด
หลักการสำคัญนี้ประกอบด้วย
- การเป็นเจ้าของโครงการขององค์กรชุมชน
- การมีส่วนร่วม
- ความยุติธรรมทางสังคม
- องค์ความรู้ในชุมชน
- การสร้างความพร้อม
- การตรวจสอบได้
            นอกจากนี้วิธีการประเมินผลที่นำมาใช้จะเป็นในรูปแบบการปรึกษาหารือกันและให้ความสำคัญต่อความรู้และประสบการณ์ที่พิเศษเฉพาะเจาะจงของเจ้าหน้าที่โครงการและผู้เข้าร่วมโครงการนี้
            บทบาทของเราในฐานะผู้ให้คำปรึกษาด้านการติดตามการดำเนินงานและการประเมินผล มีหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาและการตัดสินใจภายในกลุ่มผู้เข้าร่วมโครงการ โดยการส่งเสริมการใช้ข้อมูลป้อนกลับที่เป็นประโยชน์ ให้ผู้เข้าร่วมมีโอกาสสะท้อนถึงผลลัพธ์และปัญหาของโครงการ และสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการวิพากษ์วิจารณ์และสนับสนุนการเรียนรู้


การกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้
ประกอบด้วยระดับความเข้าใจ 5 ระดับ ดังนี้
     1.     Pre-structural (ระดับโครงสร้างขั้นพื้นฐาน) คือ ในระดับนี้ผู้เรียนจะยังคงไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายที่แท้จริง และยังคงใช้วิธีการง่ายๆในการทำความเข้าใจสาระเนื้อหา เช่น ผู้เรียนรับทราบแต่ยังคงพลาดประเด็นที่สำคัญ
     2.     Uni-structural (ระดับมุมมองเดียว) คือ การตอบสนองของผู้เรียนจะมุ่งไปที่มุมมองที่เกี่ยวข้องเพียงมุมมองเดียว เช่น สามารถระบุชื่อได้ จำได้ และทำตามคำสั่งง่ายๆได้
     3.     Multi-structural (ระดับหลายมุมมอง) คือ การตอบสนองของผู้เรียนจะมุ่งเน้นไปที่หลายๆมุมมองโดยการปฏิบัติต่อผู้เรียนจะเป็นไปอย่างอิสระ เช่น สามารถอธิบายได้ ยกตัวอย่างได้ หรืออาจเชื่อมโยงได้
     4.     Relational (ระดับเห็นความสัมพันธ์) คือ การบูรณาการความสัมพันธ์ต่างๆเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เช่น ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ระบุความแตกต่าง แสดงความสัมพันธ์ อธิบายเชิงเหตุผล และ/หรือนำไปใช้ได้
     5.     Extended abstract (ระดับขยายนามธรรม) คือ จากขั้นบูรณาการเชื่อมโยงความสัมพันธ์เข้าด้วยกัน จากนั้นจึงมาสู่การสร้างเป็นแนวคิดนามธรรมขั้นสูง หรือการสร้างทฤษฎีใหม่ เช่น การสร้างสรรค์ สะท้อนแนวคิด สร้างทฤษฎีใหม่ เป็นต้น

การนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ
            กรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาหรือกล่าวโดยความเข้าใจทั่วไปคือ กรอบทิศทางในการจัดหลักสูตรของโรงเรียน ซึ่งหมายถึง หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศในปีการศึกษา 2553 หลักสูตรนี้ เป็นหลักสูตรที่ใช้แนวคิดหลักสูตรอิงมาตรฐาน เป็นหลักสูตรที่กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ดังนั้นการดำเนินการทุกขั้นตอนของการนำหลักสูตรไปใช้จะต้องยึดหลักการบริหารจัดการที่อิงมาตรฐาน การวัดและประเมินผลต้องสะท้อนมาตรฐาน การจัดการเรียนรู้โดยมาตรฐานเป็นเป้าหมาย
            การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่สำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติเพื่อการพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เมื่อผู้เรียนได้รับการพัฒนาและมีคุณภาพตามตัวชีวัดทั้งหมด ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้แล้ว ผู้เรียนย่อมเกิดสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรที่กำหนด 5 ประการ คือ
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
            ความสามารถหรือสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนทั้ง 5 ประการ ได้ถูกกำหนดเป็นลักษณะของสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฎิบัติได้ในแต่ละตัวชี้วัดในกลุ่มสาระต่าง ๆ ของหลักสูตรแกนกลางฯ แล้ว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น